เนื่องจากโภชนาการที่ดีเชื่อมโยงกับสุขภาพที่ดี เช่นเดียวกับการป้องกันและรักษาโรคต่างๆ การได้รับวิตามินบีรวม ตามปริมาณที่แนะนำในแต่ละวัน เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยส่งเสริมการเผาผลาญอาหารที่ดี และยังเชื่อมโยงกับการช่วยลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมองอีกด้วย

          บทความนี้ มาดูกันว่าวิตามินบีรวม ในแต่ละชนิดมีประโยชน์ต่อสุขภาพด้านใดต่อร่างกายบ้าง

  1. วิตามินบีรวมมีความสำคัญต่อสุขภาพ โดยเฉพาะวิตามินบี 1 มีความสำคัญในการป้องกันโรคเหน็บชา
  2. เสริมวิตามินบีรวม เพื่อให้ได้รับวิตามินบี 2 เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
  3. วิตามินบี 3 หนึ่งในวิตามินบีที่ช่วยย่อยสารอาหารเพื่อให้ได้พลังงานต่อร่างกาย
  4. รับประทานวิตามินบี 5 เพื่อระบบฮอร์โมนที่สมดุล
  5. ประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจ วิตามินบี 6 อาจช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจได้
  6. หลีกเลี่ยงภาวะโลหิตจางด้วยวิตามินบี 12
  7. กรดโฟลิก อีกหนึ่งวิตามินที่จำเป็นสำหรับทารก

สารบัญเนื้อหา

1. วิตามินบีรวมมีความสำคัญต่อสุขภาพ โดยเฉพาะวิตามินบี 1 มีความสำคัญในการป้องกันโรคเหน็บชา

          วิตามินบี 1 มีบทบาทสำคัญในการเผาผลาญอาหารให้เป็นพลังงาน วิตามินบี 1 พบได้ในธัญพืชไม่ขัดสี ยีสต์ ถั่ว ถั่ว และเนื้อสัตว์

          การรับประทานวิตามินบีรวม โดยเฉพาะวิตามินบี 1 น้อยเกินไปทำให้เกิดโรคเหน็บชาได้ ซึ่งเป็นโรคที่ส่งผลต่อหัวใจ ระบบย่อยอาหารและระบบประสาท

          โดยทั่วไปโรคเหน็บชาพบได้ในผู้ป่วยที่ขาดสารอาหารและในผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์อย่างหนัก อาการของโรคเหน็บชา ได้แก่ เดินลำบาก สูญเสียความรู้สึกที่มือและเท้า และขาส่วนล่างเป็นอัมพาต และอาจนำไปสู่ภาวะหัวใจล้มเหลวได้

          ในผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก ควรเสริมวิตามินบีรวมเพื่อให้แน่ใจว่าได้รับวิตามินบี 1 อย่างเพียงพอ นอกจากนี้ การทานวิตามินบีตัวใดตัวหนึ่งเป็นระยะเวลานานอาจส่งผลให้เกิดความไม่สมดุลของวิตามินบีที่สำคัญอื่นๆ

โรคเหน๊บชากับวิตามินบี 1

เสริมวิตามินบี 1 ป้องกันโรคเหน็บชาได้

รวมทุกความรู้และผลิตภัณฑ์

วิตามินบี

2. เสริมวิตามินบีรวม เพื่อให้ได้รับวิตามินบี 2 เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน

          อาหารที่อุดมด้วยวิตามินบี 2 หรือที่เรียกว่าไรโบฟลาวินเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อหลีกเลี่ยงการขาดไรโบฟลาวิน โดยเราสามารถรับวิตามินบีนี้ได้จากแหล่งธรรมชาติ เช่น ถั่ว ผักใบเขียว เนื้อสัตว์ และผลิตภัณฑ์จากนม

          วิตามินบีรวม มีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยเฉพาะไรโบฟลาวินช่วยให้ร่างกายสลายและใช้คาร์โบไฮเดรต ไขมัน และโปรตีน และช่วยเผาผลาญอาหารให้เป็นพลังงาน

          นอกจากนี้ยังทำหน้าที่รักษาผิว เยื่อบุลำไส้ และเซลล์เม็ดเลือดให้แข็งแรง การได้รับวิตามินบีอย่างเพียงพอเพียงพอช่วยป้องกันอาการปวดศีรษะไมเกรนและต้อกระจกได้ และตามข้อมูลของสถาบันสุขภาพแห่งชาติ วิตามินบี 2 เพิ่มระดับพลังงาน เพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน และรักษาสิว ตะคริวของกล้ามเนื้อ และกลุ่มอาการที่ข้อมือได้

เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน

เสริมวิตามินรวม โดยเฉพาะวิตามินบี 2 เพื่อสร้างเสริมระบบภูมิคุ้มกันที่ดี

3. วิตามินบี 3 หนึ่งในวิตามินบีที่ช่วยย่อยสารอาหารเพื่อให้ได้พลังงานต่อร่างกาย

          วิตามินบี 3 หรือที่เรียกว่ากรดนิโคตินิกหรือไนอาซิน ช่วยย่อยอาหารที่เรารับประทานให้เป็นพลังงานที่เราสามารถใช้ได้

          การได้รับวิตามินบี 3 ไม่เพียงพอ อาจทำให้เกิดโรคที่เรียกว่า pellagra หรือโรคหนังกระ อาการของเพลลากร้ามีทั้งปัญหาทางร่างกายและด้านจิตใจ ได้แก่ ท้องร่วง เยื่อเมือกอักเสบ และภาวะสมองเสื่อม Pellagra ยังสามารถเกิดขึ้นได้เมื่อร่างกายไม่สามารถดูดซับไนอาซินได้เพียงพอเนื่องจากโรคพิษสุราเรื้อรัง

          นอกจากนี้ประโยชน์ต่อสุขภาพของวิตามินบีรวม ชนิดที่มีวิตามินบี 3 ได้แก่ การใช้ไนอาซินในการรักษาเพื่อช่วยควบคุมระดับคอเลสเตอรอลในเลือดสูง

4. รับประทานวิตามินบี 5 เพื่อระบบฮอร์โมนที่สมดุล

          โดยทั่วไปแล้ววิตามินบีรวมมีประโยชน์หลายด้านต่อร่างกาย วิตามินบี 5 เป็นอีกหนึ่งชนิดที่จำเป็นสำหรับปฏิกิริยาทางชีวเคมีหลายอย่างที่เกิดขึ้นในเซลล์ของเราในแต่ละวัน รวมถึงการสลายคาร์โบไฮเดรตและไขมันเพื่อเป็นพลังงาน

          วิตามินบี 5 หรือที่เรียกว่า กรด Pantothenic จำเป็นสำหรับร่างกายในการผลิตฮอร์โมน และจำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตอีกด้วย

5. ประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจ วิตามินบี 6 อาจช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจได้

          วิตามินบี 6 มีความสำคัญเนื่องจากเกี่ยวข้องกับปฏิกิริยาของเอนไซม์มากกว่า 100 ชนิดในเซลล์ของร่างกาย วิตามินบีรวม โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิตามินบี 6 ช่วยในเผาผลาญกรดอะมิโนจากอาหารและสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดงใหม่

          มีงานวิจัยที่น่าสนใจว่าวิตามินบี 6 อาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจได้ แต่ประโยชน์นี้ยังไม่ได้รับการพิสูจน์อย่างแน่นอน แม้ว่าการขาดวิตามินชนิดนี้จะพบได้ยาก แต่เมื่อขาดแล้วก็อาจทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง ซึมเศร้า หงุดหงิด สูญเสียความจำระยะสั้น หงุดหงิดง่าย และมีสมาธิลำบากได้

6. หลีกเลี่ยงภาวะโลหิตจางด้วยวิตามินบี 12

          วิตามินบี หรือที่เรียกว่าไซยาโนโคบาลามิน ไม่ได้อยู่ในแหล่งอาหารจากพืช ดังนั้นผู้ทานมังสวิรัติและวีแกนอาจไม่ได้รับวิตามินบีนี้อย่างเพียงพอและอาจจำเป็นต้องเสริมวิตามินบีรวม โดยเฉพาะวิตามินบี 12  

          แหล่งธรรมชาติที่อุดมไปด้วยวิตามินบี 12 อาหารเพื่อเสริมวิตามินบีชนิดนี้ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์จากนม ปลา เนื้อสัตว์ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตับเนื้อวัวและหอยกาบ 

          วิตามินบี 12 เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการสร้างเซลล์เม็ดเลือดและรักษาเซลล์ประสาทที่แข็งแรงในร่างกาย การขาดวิตามินบี 12 ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะโลหิตจางได้ อาการของการขาดวิตามินบี 12 ได้แก่ อ่อนแรง เหนื่อยล้า ท้องผูก น้ำหนักลด และเบื่ออาหาร ความบกพร่องยังทำลายระบบประสาทและอาจทำให้เกิดภาวะซึมเศร้า สับสน และภาวะสมองเสื่อมได้ ดังนั้นการเสริมวิตามินบีรวมที่มีส่วนประกอบของวิตามินบี 12 ถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง

โลหิตจาง

วิตามินบี 12 เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการสร้างเซลล์เม็ดเลือด ป้องกันโรคโลหิตจาง

7. กรดโฟลิก อีกหนึ่งวิตามินที่จำเป็นสำหรับทารก

          วิตามินบี 9 หรือที่เรียกว่ากรดโฟลิกหรือโฟเลต เป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของร่างกาย อาหารตามธรรมชาติพบได้ในหลายแหล่ง เช่นในผักใบเขียวเข้ม หน่อไม้ฝรั่ง กะหล่ำดาวบรัสเซลส์ ส้ม ถั่ว ถั่ว และถั่วลันเตา

          ในวัยรุ่นและสตรีที่กำลังตั้งครรภ์หรือวางแผนที่จะตั้งครรภ์ มักได้รับคำแนะนำให้เสริมวิตามินบีรวม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเลตให้ได้อย่างเพียงพอ การได้รับกรดโฟลิก อย่างเพียงพอจะช่วยป้องกันไม่ให้ทารกเกิดข้อบกพร่องที่ท่อประสาท (สมองและกระดูกสันหลัง) และส่งเสริมการเจริญเติบโตอย่างแข็งแรง

เสริมโฟลิก

โฟลิกหนึ่งในวิตามินบีที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของทารก

          จากที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่าวิตามินบี แต่ละชนิดล้วนมีประโยชน์ต่อร่างกายแตกต่างกันออกไป ยังมีวิตามินบีชนิดอื่นๆอีกมากมาย ดังนั้นการเสริมวิตามินบีรวมในทุกๆวัน สำหรับผู้ที่อาจจะเสี่ยงต่อการขาดวิตามินบี จะช่วยทำให้สุขภาพร่างกายดีได้นั่นเอง

รวมทุกความรู้และผลิตภัณฑ์

วิตามินบี