เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าวิตามินเอเป็นวิตามินที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยวิตามินเอมีส่วนช่วยในการมองเห็น นอกจากนั้นยังช่วยเรื่องส่งเสริมภูมิคุ้มกัน รวมไปถึงการบำรุงสุขภาพผิวลดการเกิดสิว การทานอาหารที่มีวิตามินเอไม่เพียงพอนำไปสู่ปัญหาทางสุขภาพมากมายเช่น การมองเห็นที่ผิดปกติในเวลากลางคืน ภูมิคุ้มกันที่ผิดปกติ รวมไปถึงปัญหาสุขภาพผิวเช่นผิวแห้ง หรือการเกิดสิว แต่ในทางกลับกันการทานวิตามินเอในปริมาณที่มากเกินไปก็มีผลเสียต่อสุขภาพ เช่นตัวเหลือง หรือตับอักเสบ ดังนั้นเราควรให้ความสำคัญกับการทานวิตามินเอให้พอเหมาะกับที่ร่างกายต้องการ
อาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินเอ
สารบัญเนื้อหา
แหล่งอาหารที่อุดมด้วยวิตามินเอ เราจะพบวิตามินเอในอาหารชนิดใดบ้าง
วิตามินเอ (Vitamin A) ที่พบในอาหาร มี 2 รูปแบบคือ รูปแบบวิตามินเรตินอลที่พร้อมใช้งาน (Performed vitamin A: retinol) และรูปแบบสารตั้งต้น (Carotenoids) ซึ่งเป็นสารตั้งต้นที่ร่างกายนำไปสร้างวิตามินเอ
Performed vitamin A: retinol เป็นวิตามินเอที่พร้อมใช้งานพบได้ใน แหล่งอาหารที่มาจากสัตว์ เช่น ตับไก่ น้ำมันตับปลา ปลาแซลมอน และนมหรือผลิตภัณฑ์จากนม เช่น ชีส เนย ไข่แดง เป็นต้น
ผลิตภัณฑ์จากนมที่อุดมไปด้วยเรตินอลวิตามินเอ
Carotenoids ซึ่งรวมถึง Beta-carotene : เป็นรูปแบบสารตั้งต้นที่ร่างกายนำไปสร้างวิตามินเอที่พร้อมใช้งาน พบได้ในผักใบเขียว และผลไม้สีเหลืองหรือสีส้ม เช่น ตำลึง ผักบุ้ง แครอท ฟักทอง เป็นต้น
แครอท ผักที่มีวิตามิเอในปริมาณที่สูง
เนื่องจากวิตามินเอมาในรูปแบบที่หลากหลาย องค์กรทางด้านอาหารจึงกำหนดปริมาณวิตามินเอในอาหาร ในรูปแบบ Retinol activity equivalents (RAE) ของวิตามินเอ โดย 1 RAE เท่ากับ 1 ไมโครกรัมของเรตินอล และ 12 ไมโครกรัมของ Beta-carotene โดยปริมาณของวิตามินเอที่แนะนำแก่ผู้ใหญ่ คือ 900 ไมโครกรัมของ RAE ในผู้ชาย และ 700 ไมโครกรัม RAE ในผู้หญิง
อาหารที่พบปริมาณวิตามินเอที่สูง ที่พบได้ในชีวิตประจำวัน
เรามาดูกันสิว่า ทานอาหารอะไรแล้วได้ปริมาณวิตามินเอเท่าไหร่ โดยบทความนี้รวมปริมาณอาหารที่มีวิตามินเอสูง ที่พบได้ในชีวิตประจำวันของคนไทยมาให้
ชนิดของอาหาร |
ปริมาณ |
ปริมาณ หน่วย microgram RAE |
มันหวาน |
1 ลูก |
1,403 |
ผักโขม |
½ ถ้วยตวง |
573 |
แครอท |
½ ถ้วยตวง |
459 |
ชีส |
1 ถ้วยตวง |
263 |
นม |
1 ถ้วยตวง |
149 |
มะม่วง |
1 ผล |
112 |
อาหารเช้าซีเรียล |
1 ถ้วย |
90 |
ไข่ |
1 ฟอง |
75 |
บล็อคโคลี่ |
½ ถ้วยตวง |
60 |
แซลมอน |
3 ออนซ์ |
59 |
ปริมาณวิตามินเอที่ร่างกายต้องการ ไม่มากไป ไม่น้อยไป
วิตามินเอเป็นวิตามินไม่กี่ชนิดที่ปริมาณที่ร่างกายต้องการอยู่ในช่วงไม่กว้างมากนัก เพราะการทานวิตามินเอที่น้อยเกินไปก็ทำให้เกิดปัญหาทางสุขภาพ แต่การทานวิตามินเอที่มากเกินความต้องการของร่างกายก็ทำให้เกิดผลเสียต่อร่างกายเช่นความผิดปกติของผิวหนัง และการทำงานของตับ โดยผลกระทบจากวิตามินเอที่มากเกินไป เป็นปัญหาสำคัญของหญิงตั้งครรภ์และทารก โดยในหญิงตังครรภ์อาจนำไปสู่การพิการของทารกในครรภ์ เป็นต้น ฉะนั้นนอกจากต้องรู้ปริมาณวิตามินเอที่ร่างกายต้องการแล้ว ก็ต้องรู้ว่าไม่ควรทานเกินเท่าไหร่
โดยปริมาณวิตามินเอที่แนะนำในผู้ใหญ่อายุมากกว่า 19 ปี คือ 900 ไมโครกรัม RAE ในผู้ชาย และ 700 ไมโครกรัม RAE ในผู้หญิง โดยในหญิงตั้งครรภ์ต้องการวิตามินเอมากขึ้นเป็น 770 ไมโครกรัม RAE และต้องการสูงสุดในหญิงที่ให้นมบุตรคือ 1,300 ไมโครกรัม RAE
สำหรับปริมาณวิตามินเอที่ส่งผลเสียต่อร่างกายในผู้ใหญ่ที่อายุมากกว่า 19 ปีคือ 3000 ไมโครกรัม RAE โดยจะพบว่าหากทาน Beta-carotene ในปริมาณที่เกินต่อความต้องการ ร่างกายจะเปลี่ยน Beta-carotene แค่เฉพาะในปริมาณที่ร่างกายต้องการ ทำให้ beta-carotene เป็นรูปแบบที่ปลอดภัยในการบริโภค จึงเป็นรูปแบบที่นิยมนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์อาหารเสริมวิตามินเอ เพราะมีผลเสียต่อร่างกายน้อย
แหล่งวิตามินเอ อาหารที่ทุกคนต้องการ
อาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินเอนั้นพบได้ในผักและผลไม้ และเนื้อสัตว์ต่างๆ โดยเฉพาะปลา การทานอาหารที่หลากหลายและผลิตภัณฑ์ที่เสริมวิตามินเอ เช่นนมที่เพิ่มวิตามินเอ หรืออาหารเสริมวิตามินเอ เป็นวิธีการที่ป้องกันภาวะการขาดวิตามินเอ เพื่อลดการเกิดโรคที่เกิดจากการขาดวิตามินเอ บำรุงสายตา และส่งเสริมภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ดังนั้นก่อนเลือกผลิตภัณฑ์อาหาร หรืออาหารเสริมต่างๆ ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของวิตามินเอ ในปริมาณและรูปแบบที่เหมาะสม แค่นี้ร่างกายของเราก็จะแข็งแรง มีภูมิคุ้มกันต่อสู้กับเชื้อโรคที่มากขึ้นในสถานการณ์ปัจจุบันได้แล้วคร้บ
แหล่งอ้างอิง:
- Dietary reference intake for Thais 2020 โดยกรมอนามัย สำนักโภชนาการ
- US National Institute of Heath : https://ods.od.nih.gov/factsheets/VitaminA-HealthProfessional/
- https://www.hsph.harvard.edu/nutritionsource/vitamin-a/